ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4

ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4

วันนี้เรื่องราว ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4 จะกล่าวถึงการเตรียมตัวเมื่อเข้าสัมพาษณ์กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) ซึ่งหลายคนกลัวมากว่าเค้าจะถามอะไรเรา จะตรวจอะไรเราบ้าง บลา บลา บลา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) แต่ละคนจะมีคำถามแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี แต่ถ้าเพื่อนๆมั่นใจว่า โรงเรียนที่มาเรียนนั้นดีจริงสามารถตรวจสอบได้และมีชื่อเสียง ก็ไม่มีปัญหาครับ วันนี้ทางทีมงานของเราจะมาช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยว 3 ประเทศหลักที่เคยเจอมาครับ

1. ประเทศออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) เค้าจะไม่ค่อยเข้มงวดมากเท่าไหร่ (ปี 2008) ส่วนใหญ่แค่จะถามว่าเรามาทำไรที่นี่ เราก็แค่บอกว่าเรามาเรียน เค้าอาจจะถามต่อว่าเรียนอะไร โรงเรียนชื่ออะไร อยู่แถวไหน จะเรียนนานเท่าไหร่ บางครั้งก็ตอบเท่าที่เรารู้ก็ได้ แล้วอาจจะเอาเอกสารของโรงเรียนที่เตรียมมายื่นให้เค้าดู ถือว่าไม่มีอะไรมาก

2.ประเทศอังกฤษ (ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน) ทางทีมงานของเรามีความรู้สึกว่าจะเข้มงวดกว่าประเทศออสเตรเลียสักหน่อย (แล้วแต่ประสบการณ์นะครับ) ส่วนใหญ่เค้าก็จะถามคล้ายกๆกันหมด แต่ที่นี่จะถูกถามเยอะกว่า เช่น อาจจะถามว่าถ้าเรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อ เราก็ต้องตอบแบบฉลาดๆว่า จะกลับไปที่ไทยไปช่วยที่บ้านทำงาน หรือกลับไปนำความรู้ที่ได้ไปหางานดีๆที่ไทย พยายามเน้นคำตอบที่ดูเหมือนว่าเราจะกลับประเทศเราแน่นอนเมื่อเราเรียนจบ ถึงแม้ว่าเราจะมีเพลนที่จะหาเรียนต่อในประเทศหลังจากเรียนจบ เราก็ไม่ควรจะตอบ แต่ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนนะครับ ยังไงก็พยายามตอบคำถามให้เหมือนว่าเรามาเรียนจริงๆ เราจะกลับบ้านเกิดเราแน่นอนหลังจากเรียนจบ เรามาที่นี่แล้วอยากจะเรียนภาษาอังกฤษจริงๆ ประมาณนี้ครับชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4

3.ประเทศอเมริกา (ปี 2005-2006) สาเหตุที่เอาอเมริกามาเป็นที่สุดท้ายก็เพราะว่า ทีมงานของเราคิดว่าการเข้าอเมริกานั้นอาจจะยากสุดเทียบกับ 2 ประเทศข้างต้น(แต่ทุกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยและถูกต้องครับ) ที่นี่เค้าจะมีการตรวจระเอียดมาก คำถามเท่าที่จำได้ก็จะคล้ายกับที่อังกฤษครับ แต่การตรวจค้นตัวและกระเป๋าจะเข้มงวดมาก ซึ่งเราไม่ควรที่จะล็อคกระเป๋าเดินทางเพราะที่นี่เค้าจะเปิดกระเป๋าทุกใบ (น่าจะใช่ครับเพราะโดนเปิดทุกครั้งและเพื่อนๆคนอื่นๆก็บอกมาตรงกัน) ซึ่งถ้าใครไปล็อคกระเป๋าละก็ เค้าจะเงะออกจนได้ครับหรือไม่ก็พังกุญแจไปเลย ทางทีมงานโดนพังกระเป๋าเลยครับเพราะเป็นกระเป๋าแบบล็อคจากซิบโดยไม่ใช้แม่กุญแจ เค้าจะทำการตรวจตัวเราด้วยว่าได้ซุกซ่อนอะไรไว้หรือเปล่า และในปัจจุปันเค้ามีเครื่องมือที่สามารถสแกนร่างกายเราได้ ซึ่งสามารถมองเห็นสัดส่วนเราได้ทั้งหมดและมีประสิทธิภาพสูงในการค้นหาสิ่งแปลกปลอม แต่คนที่ตรวจจากเครื่องใหม่นี้จะไม่เห็นตัวจริงของเรา (เพราะมันเห็นหมดจริงๆ ฮ่าๆๆ) แต่ล่าสุดได้ข่าวมาว่า เค้าเตรียมยกเลิกการใช้งานเครื่องสแกนร่างกาย ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเห็นสัดส่วนใต้ร่มผ้าของผู้ใช้สนามบินทั่วประเทศมากเกินไป แล้วจะนำระบบคลื่นวิทยุมาตรวจแทนครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบการตรวจก็ทำเพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องก่อนเข้าประเทศครับ

ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4ทิ้งท้ายว่าเพื่อนคนไหนที่เป็นผู้หญิงก็อาจจะลำบากกว่าผู้ชายหน่อยเพราะเค้าอาจจะถามมากว่าผู้ชาย ทางต่างประเทศเค้ากลัวเรื่องการเข้ามาค้าประเวณีที่ผิดกฎหมายครับ แต่ถ้าเรามั่นใจซะอย่างว่ามาเรียนทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาครับเพราะทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่4 ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะครับแล้วรอต่อครั้งหน้ากับ ชีวิตเด็กนอกบทเรียนที่5

แชร์